• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้รู้ จากการเป็นผู้รับจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by Jessicas, April 05, 2023, 05:02:45 AM

Previous topic - Next topic

Jessicas

1. เนื่องจากว่าเรามิได้เกิดมาเพื่อดำเนินงานอย่ างเดียว

เราไม่ได้ดำเนินงานแล้วแฮปปี้วันแล้ววันเล่า หลายคราที่พวกเรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แม้กระนั้นถ้าเกิดพวกเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต อย่างเช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ และยังรวมไปถึงต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่เราชอบจะทำให้จิตใจเบิกบานขึ้น แล้วก็ เพิ่มความมั่นใจและความเชื่อมั่น เนื่องจากการเฟลจากที่ดำเนินงานโดยมากมักทำให้เราท้อแท้ใจ และขาดความมั่นใจในตนเอง ส่วนตัวเรามันส่งผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน และก็ อีกมากมาย


ยกตัวอย่ าง... มีเพื่อนฝูงคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามาก ตั้งใจจริงขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ในขณะนี้ทำงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จวบจนตอนนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. รู้ยัง

สำหรับมนุษย์เงินเดือนตัวจ้อยอย่ างพวกเรา สิ่งที่พวกเรากลัวเกรงที่สุดในสถานที่สำหรับทำงานก็คงหนีไม่พ้นนายจ้าง ผู้ที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยนาๆประการ อย่ างตัวเราเคยพบในขณะที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานหนัก ไปจนถึงวันๆไม่ทำงานทำการ รอสั่งคนนู่นครั้งคนนี้คราว แต่พอใช้มองดีๆพวกเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แม้กระนั้นคนๆนี้มันจะมาบ่นว่าขี้คร้านตื่น หรือโดนนายสั่งงานเยอะแยะมิได้ยังไง ทำไมน่ะเหรอ นอกเหนือจากที่จะโดนหัวหน้าของเค้าเองเขม่นแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความยำเกรงด้วย หนำซ้ำบางครั้งอาจจะระรานกันเสียระบอบการปกครองทั้งทีม


ถ้าให้ชี้แนะก็อย ากจะพูดว่าพย าย ามรู้เรื่องเค้าดีมากยิ่งกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างพวกเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนชั่วบ้ า ง นิสัยก็ไม่เหมือนกันบ้ า งเป็นเรื่องปกติ อย่ ามองว่าเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้ดูในมุมที่ว่าถ้าเกิดเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานตรงไหนไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปพบครอบครัว

มิได้อย ากอยู่ดึกดื่นๆให้คนที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็ไม่ได้อย ากดำเนินการ ก็อย ากท่องเที่ยวแบบเดียวกันนั่นแหละ แต่เพียงแค่ออกหน้าพูดมากแบบพวกเรามิได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกภาพ

เพียงแค่พวกเรานำเสนองานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าจำเป็นต้องเอางานพวกเราไปเสนอกับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องคนใดกันแน่ที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้มาก เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นปกติ

3. อย่ าเชื่อมั่นในตัวเองเกินไปในโลกอินเตอร์เน็ต

คนไม่ใช่น้อยเชื่อว่าโลกโซเชียลเป็นพื้นที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของพวกเรา แต่รู้รึเปล่าว่า HR ยุคนี้นอกจากจะมอง resume เราแล้ว ยังมองเ ฟ ส บุ ค ของเราด้วย เพื่อนเราที่เป็น HR ยืนยันมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า มองเห็นไหมว่าตัวตนบนโลกออนไลน์

ของเรานั้นมีผลกับเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อเราเป็นพนักงานประจำสุดกำลัง เรื่องเหล่านี้ยิ่งต้องระมัดระวัง อย่ างพวกเราคือไม่สัมผัสเฟสบุ้คเลย หรือหากจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าหากหัวหน้ามามองเห็นก็ไม่เป็นไร


ถ้าหากอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆชี้แนะให้แยกเฟสที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาลำธารณพด้วย เนื่องจาก ส่วนใหญ่คนในที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในสถานที่สำหรับทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้าโง่เขลา ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่นอน...!! เตือนแล้วนะ

4. โฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา พอใจ เอาใจใส่ แต่... อย่ าเก็บลู่วิ่งคนอื่นมาริษยา

ช่วงปีที่ล่วงเลยมานี้ สหายพวกเราหลายๆคนเริ่มศึกษาต่อ สร้างครอบครัว บางคนเปลี่ยนแปลงงานไปงานที่ค่าจ้างรายเดือนสูงสุดๆบางบุคคลเริ่มธุรกิจของตัวเอง บางโอกาสเราเลื่อนดูหน้าเฟสแล้วหลังจากนั้นก็แอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้ได้ดี แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่บอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็ไม่ได้ดีมากกว่าเราหรอกดีไม่ดีเพื่อนฝูงผู้คนจำนวนมากบางครั้งอาจจะกำลังริษยาชีวิตเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกพวกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... คือตัวเราเองก็ไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตพวกเราดี สิ่งที่เราคัดเลือกกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี จงจดจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของพวกเราไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น

จุดโฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา ทราบว่าเรากำลังจะทำอะไร รู้ดีว่าจุดหมายพวกเราปรารถนาอะไร รู้ดีว่าวันนี้พวกเราประพฤติดีกว่าเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง ก็พอเพียงแล้ว แอบดูลู่วิ่งคนอื่นๆบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้พวกเราเป็นจริงเป็นจังกับชีวิตเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่ าเก็บมาใส่ใจกระทั่งหนักใจพอ

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

ประเดี๋ยวก่อน...!! อย่ าเพิ่งจะตกอกตกใจไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนไม่ได้หมายความว่า ให้เราไม่ต้องจิรงใจกับคนไหนกันแน่ แม้กระนั้น... แสดงว่า " เราไม่สนใจข้างใด " อย่ างที่รู้กันว่าในสถานที่ทำงานหลายๆที่

มีการเล่นพรรคเล่นพวก หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าผู้ที่เล่นการเมือง (มากๆ) ส่วนใหญ่ปราศจากความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแต่ว่าเล่นเค้าไว้มากนี่ห้ามพลาดท่าเลยจ๊า มีคนรอคอยซ้ำเยอะเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่คือ... การที่พวกเราดูว่าคนนี้เป็นคนยังไง จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร มิได้พูดว่าให้สตอเบอร์ปรี่ หรือ ฝ่าฝืนตนเอง แต่ว่า... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชอบ

โตมาในสังคมที่ต่างกัน การที่พวกเราดูแล้วทราบดีว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะก่อให้เราเหนือกว่ามากๆนอกจากวางตัวง่ายแล้ว พวกเราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมถึงบางคนที่ดูแล้วผิดจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักทายสวัสดีตามมารย าท ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... พวกเราไม่รู้หรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงพวกเราเข้าไปปฏิบัติงานกับใคร ด้วยเหตุผลดังกล่าว อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงไม่ได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แต่ในอนาคต อาจได้โครจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดีกว่าโดนด่าตอนอายุ 50

เนื่องจากว่าอายุยังน้อย ความมุ่งหวังจากคนรอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ถึงแม้เราจะรู้สึกบีบคั้นสำหรับในการดำเนินการสุดๆแต่ว่าเชื่อเถอะ เราล้มเหลววันนี้ ดีกว่าเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนถึง 50-60 ก็ผ่านระยะเวลาแบบพวกเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะเสนอแนะเป็น.. ใช้เวลานี้ให้คุ้ม พวกเรามิได้อายุ 20 กว่าๆตลอดไป อย ากทำอะไรทำ อย าคำอธิบายมอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันห่วยแตกก็พรีเซ้นไปเรื่อยๆฝึกหัดไปเรื่อยโดนดุเวลานี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนด่าตอนอายุ 50 มาก แม้ว่าจะบกพร่อง ด้วยความยังเด็ก รวมทั้ง อ่อนประสบการณ์ คนโดยมากพร้อมจะยกโทษเราเสมอ ด้วยเหตุผลดังกล่าว ล้มเหลวเยอะๆเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามไม่เหมือนกันระหว่าง " เพื่อนพ้อง " กับ " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " คืออะไร ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนพ้องย ากก็น่าจะจริง ยุคประถม การหาเพื่อนพ้องใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม รวมทั้งการหาเพื่อนฝูงในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแสดงว่ายิ่งเราโตขึ้นเท่าไร เราจะหาเพื่อนฝูงย ากขึ้นเท่านั้น และไม่ต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนฝูงที่จริงใจคนนึงในออฟฟิศมันย ากมากแค่ไหน


นอกเหนือจากที่จะมีเรื่องผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การคาดคะเน เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของผู้คนค่าตอบแทนรายเดือนอย่ างพวกเราเป็นไปดำเนินการ มิได้ไปทำกิจกรรมสานสัมพันธ์หาเพื่อนฝูง ด้วยเหตุดังกล่าววันๆพวกเราจึงจะเจอเพียงแค่เพื่อนฝูงร่วมกลุ่ม ซึ่งส่วนมากและจากนั้นก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานเท่านั้น

เราโชคดีที่เจอทีมที่ดี คุยได้อีกทั้งเรื่องส่วนบุคคลแล้วก็เรื่องงาน เรียกได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน แล้วก็สหายร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจอย่างนี้ เรารู้สึกว่ามันคือกำไรชีวิต พย าย ามหาคนพวกนี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดนึงก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ แค่ได้พบเจอ

พูดคุยแลกความเซ็งก็ดี ให้เราทดลองถามตนเองว่า "ถ้าเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้กินข้าวอยู่ไหม" ถ้าหากคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณพบเพื่อนฝูงจริงๆในสถานที่สำหรับทำงานแล้ว

7. หาคนที่เป็นมากกว่า " เพื่อนร่วมงาน " ให้เจอ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความต่างระหว่าง " เพื่อน " กับ " เพื่อนร่วมงาน " เป็นยังไง ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนฝูงย ากก็คงจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนฝูงใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม และการหาเพื่อนในสมัยมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันหมายความว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นมากแค่ไหน เราจะหาสหายย ากขึ้นเพียงแค่นั้น

และไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนแท้จริงจิตใจคนนึงในสำนักงานมันย ากมากแค่ไหน นอกเหนือจากที่จะมีเรื่องผลตอบแทน ทั้งยังตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การประมาณ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของมนุษย์ค่าตอบแทนรายเดือนอย่ างพวกเราคือไปดำเนินงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสมาคมหาเพื่อนฝูง ด้วยเหตุนั้นวันๆพวกเราจึงจะเจอเพียงแค่เพื่อนร่วมกลุ่ม ซึ่งจำนวนมากแล้วก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานแค่นั้น

พวกเราโชคดีที่เจอกลุ่มที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องส่วนตัวและก็เรื่องงาน พูดได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน รวมทั้งสหายร่วมงานในครั้งเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจอย่างงี้ พวกเรารู้สึกว่ามันคือกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนพวกนี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหนึ่งก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ แค่ได้เผชิญ เสวนาแลกเปลี่ยนความเซ็งดีแล้ว ให้พวกเราลองถามตนเองว่า "หากเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้กินข้าวอยู่ไหม" ถ้าเกิดคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณพบสหายจริงๆในที่ทำงานแล้ว

8. ต้องเป็น " ผู้รับจ้างมือโปร "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าเกิดอย ากไปถึงเป้าหมาย และก็ แฮปปี้ ต้องเป็น " ลูกจ้างมือโปร " ให้ได้ กล่าวง่ายแม้กระนั้นทำย ากนะ เนื่องจากว่าลูกจ้างมือโปรก็คือคนที่ตระหนักได้ว่า " พวกเราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าแรงจำนวนหนึ่ง " นั่นถือได้ว่าบริษัทเค้าปรารถนาอะไรบางอย่ างจากพวกเราแลกกับค่าแรงนั้นๆ

พวกเราต้องทราบว่าบริษัทว่าจ้างพวกเรามาทำอะไร แล้วก็ ทำมันให้ดียิ่งกว่าที่บริษัทคาดหวังหากปรารถนาความก้าวหน้าในหน้าที่ ถ้าหากงานที่ทำอยู่คิดว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของเรา ก็ไม่ควรอดทนทำไป


ควรหางานที่เราทำแล้วเรามีความสุขและก็ทำได้ดีเพื่อดึงประสิทธิภาพของตัวเองออกมาให้สูงที่สุด นอกจากจะทำให้เราเติบโตในหน่วยงานแล้ว ยังเป็นเหตุให้เราปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งพวกเราจะทราบเองว่าควรไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ถูกใจให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าผู้อื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกกี่ครั้งก็ได้ ถ้าท้ายที่สุดเราเจอสายอาชีพที่พวกเรารักแล้วก็อย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มมากมาย

รวมทั้งด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " พวกเราถูกจ้างมาด้วยเงินเดือนปริมาณหนึ่ง " อย่ าทำงานหนักเกินกว่าค่าจ้างจนถึงเหลือเกิน ทุ่มเทได้ แต่ว่าควรจะมีผลสรุปที่ดีตามออกมาด้วย ยกตัวอย่างเช่นได้ปรับค่าจ้างรายเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับพ่อแม่ พี่น้องๆบ้ า ง หันกลับไปมองด้านหลังบ้ า งว่าผู้ที่เป็นบันไดให้พวกเรามายืนจุดนี้ ปัจจุบันนี้เค้าเป็นยังไงกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าพ่อแม่อายุเพิ่มขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าเกิดเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้ท่านแล้วหาเวลาไป มันไม่ทุกข์ยากลำบากหรอก แลกเปลี่ยนกับความสำราญของพ่อแม่
ลูกจ้าง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/